วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

อัปแล้วจ้า

ตั้งแต่ปิดเทอมมานี้ไม่ได้อัปเลยเพราะขี้เกียจ เปลืองไฟแล้วก็เปลืองเนตด้วย
แต่ว่าก็มาทำไปงั้นๆแหละเพราะไม่อยากให้มันร้างเดี๋ยวเผื่อม.5ต้องใช้อีก
วันนี้เอาเรื่องที่ก็อบมาลง (ขี้เกียจพิมพ์เองแต่อยากเอามาลงเพื่อให้ดูเยอะดี)
รู้จักหนังสือเรื่องเอมม่ารึเปล่า เราเคยได้ยินชื่อ ดังมากๆ ที่เอามาลงก็อ่านไม่ออกหรอกแต่ว่าเผื่อมีใครอยากจะอ่าน
Emma is a comic novel by Jane Austen, first published in 1816, about the perils of misconstrued romance. The main character, Emma Woodhouse, is described in the opening paragraph as "handsome, clever, and rich" but is also rather spoiled. Prior to starting the novel, Austen wrote, "I am going to take a heroine whom no-one but myself will much like."
Plot summary
Emma Woodhouse is a young woman in Regency England. She lives with her father, a hypochondriac who is principally characterized by excessive concern for the health and safety of his loved ones. Emma's friend and only critic is the gentlemanly Mr. Knightley, her "neighbour" and brother of her sister's husband. As the novel opens, Emma has just attended the marriage of Miss Taylor, her old governess and best friend. Having introduced Miss Taylor to her future husband Mr Weston, Emma smugly takes credit for their marriage, and decides that she rather likes matchmaking.
Against Mr. Knightley's advice, Emma forges ahead with her new avocation; this time she tries to match her new friend Harriet Smith, a sweet but none-too-bright girl of seventeen --described as "the natural, i.e. illegitimate, daughter of somebody"-- to Mr. Elton, the local vicar. However, first she must persuade Miss Smith to refuse an advantageous marriage proposal from a respectable young farmer, Mr. Martin; which is done. But, soon her schemes go awry when Mr. Elton, a social climber of his own, declares he wants to marry Emma herself --not the poor and socially inferior Harriet. After Emma rejects Mr. Elton, he leaves for a while, going on holiday; and Harriet fancies herself heartbroken. Emma now tries to convince Harriet that Mr. Elton is beneath her after all.
An interesting development for Emma is the arrival in the neighbourhood of Frank Churchill, Mrs Weston's stepson, whom she has never met but in whom she has a long-standing interest. Also, Mr. Elton (who will reveal himself to be more and more arrogant and pompous as the story continues) returns with another newcomer - a vulgar wife who becomes part of Emma's social circle, even though the two women soon loathe each other. A third new character is Jane Fairfax, the reserved but beautiful niece of Emma's impoverished neighbour, the loquacious Miss Bates, another comical character who serves to lighten the scene. Jane, who is very accomplished musically, is Miss Bates's pride and joy; Emma, however, envies her talent and somewhat dislikes her. Jane had lived with Miss Bates until she was nine, but Colonel Campbell, a friend indebted to her father for seeing him through a life-threatening illness, then welcomed her into his own home, where she became fast friends with his daughter and received a first-rate education. On the marriage of Miss Campbell, Jane returned to her relations, ostensibly to regain her health and prepare to earn her living as a governess.
In her eagerness to find some sort of fault with Jane — and also to find something to amuse her in her pleasant but dull village — Emma indulges in the fantasy, shared with Frank, that Jane was an unwilling object of admiration for Miss Campbell's husband, Mr. Dixon, and that it is for this reason she has returned home, rather than going to Ireland to visit them. This suspicion is further fueled by the arrival of a piano for Jane from a mysterious, anonymous benefactor.
The plot becomes quite complex as Emma tries to make herself fall in love with Frank largely because everyone says they make a handsome couple. Emma ultimately decides, however, that he would suit Harriet better after an episode where Frank 'saves' her protégée from a band of Gypsies. During this time, Mrs. Weston wonders if Emma's old friend Mr Knightley might have taken a fancy to Jane. Emma promptly decides that she does not want Knightley to marry anyone, but rather than further exploring these feelings, she claims that she wants her nephew Henry to inherit the family property.
When Mr. Knightley scolds her for a thoughtless insult to Miss Bates, Emma is privately ashamed, and tries to atone. Around this time, she is further discomfited when she learns that Jane and Frank have been secretly engaged for almost a year. When Harriet confides that she thinks Mr. Knightley is in love with her, jealousy forces Emma to realize that she loves him herself. Shortly thereafter, Mr. Knightley proposes to Emma, Harriet reconciles with her young farmer, and everyone lives happily ever after.

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

อะแฮ่ม 3

ไม่ได้เขียนมานาน เพราะงานเยอะมากๆ อืม ที่จริงก็ไม่เยอะเท่าไหร่แต่ว่าเราหมกงานต่างหาก
นิยายเรื่องที่อยากแนะนำเป็นเรื่องต่อไปก็เป็นแนววรรณกรรมเยาวชน คิดว่าบางคนเคยอ่านมาแล้ว เรื่องโรงงานช๊อคโกแล๊ต เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการจะหาผู้สืบทอดโดรงงานชอคของเขา โดยประกาศว่าใครที่กินผลิตภัณฑ์จากโรงงานของเขาไม่ว่าจะเป็นช๊อกโกแลต หมากฝรั่ง อมยิ้มแล้วเจอป้ายทองคำเชิญชวนให้เข้าไปชมโดรงงาน เด็กคนหนึ่ง(จำไม่ได้ว่าชขื่ออะไร เพราะอ่านหลายปีแล้ว)ยากจนและเก็บตังค์ได้ไปซื้อชอคโกแลตดันฟลุกเจอแผ่นป้ายทองคำ เขากับปู่มีโอกาศเข้าชมโรงงานพร้อมเด็กอีก 4 คนที่โชคดีเมื่อเข้าสไปในโรงงานพวกเขาก็ได้พบกับความลับที่น่าตื่นเต้นมากมาย และเหตุการณ์ต่างๆก็เกิดขึ้นเพื่อคัดเลือกเด็กที่จะมาเป็นผู้สืบทอดโรงงานนี้ สุดท้ายใครที่จะได้รับเลือกเหตูการณเป็นอย่างไรก็ไปหาอ่านกันเอาเองนะ เรื่อนงนี้นอกจากจะให้ความสนุกแล้วยังสอนข้อคิดอะไรๆหลายอย่าง เป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ดีมากเลยเพราะท้ายเล่มมักจะเขียนว่าถ้าหนังสือไม่ได้มาตราฐานแล้วก็จะชดใช้คืนพร้อมหนังสืออื่นฟรี 10 เล่ม ไม่รู้สมัยนี้ยังมีอยู่รึเปล่า

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ว่าด้วยเรื่องงานโฮม...ต่อ

พอเข้างานไปก็เจอคนมาเยอะแล้ว แล้วก็ถ่ายรูปกันแล้วก็กินกัน ถ่ายรูปเยอะมากๆเลย อาหารก็อร่อยดี แล้วก็เปิดเพลงเต้นกันตอนแรกๆเราไม่กล้าเต้นเพราะอายแต่ว่าตอนหลังๆก็เต้นสุกเหวี่ยงเหมือนกันบางคนไม่เห็นเพราะเต้นอยู่ริมๆ ยังอายๆอยู่ ตอนแรกว่าจะกลับซัก 2 ทุ่มแต่ 2 ทุ่ม งานยังไม่ออกรสอะไรเลย และแล้วสุดท้ายก็เลยกลับ 4 ทุ่ม ไม่อยากจะพูดว่าการไปงานนี้ความสนุกและประสบการณ์ที่ได้รับคุ้มค่ากับเงิน 500 บาทรึเปล่าเพราะคนที่ไม่ไปอาจไม่เข้าใจ อืม..... ขอให้ปีหน้าเพื่อนๆไปกันทุกคนนะ

ว่าด้วยเรื่องงานโฮม

สวัสดีผองเพื่อน งานที่เป็นที่พูดกันมาก่อนวันที่ 2 กุมภาก็คืองานโฮม เจอเพื่อนคนไหนก็ถามจะไปงานโฮมรึเปล่า ถ้าเพื่อนคนนั้นไปก็จะคุยแต่งชุดอะไร เป็รยังไง ไปยังไง นัดเจอกันที่โรงเรียนหรือห้าง ไปกี่โมง พล่ามไปเรื่อยๆ หรือถ้าเพื่อนคนนั้ไม่ไปก็จะถาม ทำไมไม่ไป แล้วสุดท้ายก็ลงด้วยการอ้อนวอน ขู่เข็ญ พูดพล่ามไปเรื่อยๆชักแม่นำทั้ง 5 ให้เพื่อนไป เรียกได้ว่าเป็นงานที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนึ่งใผลที่เพื่อนบางคนไม่ไปก็เพราะมันแพง ในความเห็นเรา เราก็ว่ามันแพง แต่พอไปแล้วก็สนุกดี มันเป็นประลบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะเราไม่เคยไปงานแบบนี้เลย วันนั้นวันเสาร์ที่ 2 ตอน 5 โมงเย็นแม่บอกให้รีบไปแต่งตัวเพราะกลัวรถติด เดี๋ยวเราจะไปสาย เราก็รีบมากเพราะไม่ฟังแม่มัวแต่ดูทีวี สุดท้ายก็รีบมากๆแล้วก็ลืมนั่นลืมนี่ ไปถึงงาน 6.15น. แต่นั่งรอกานต์ถึงทุ่มนึง ระหว่างนั่งรอก็คิดนู่นคิดนี่เช่น เขาจะเรื่มกินกันรึยังน้า แล้วก็เจอเพื่อนหลายคนเหมือนกัน จันทร์ มิ้ว อีฟชาย โอ้วแม่เจ้าจันทร์แต่งตัวได้เปรี้ยวมาก เห็นแล้วอึ้ง แล้วก็รอกานต์ต่อไป แล้วกานตก็โทรมาบอกว่าหาทางเข้าไม่ถูก อืม...สุดท้ายก็มาจนได้ มาทั้งครอบครัวเลย พ่อแม่น้องชาย(ที่น่ารัก)เห็นกานต์แล้วแบบว่าช็อค แต่งตังผู้หญิงมากท่าทางก็เป็นผู้หญิงไม่มีเค้าแบบที่โรงเรียนเลย พูดไม่ออกแต่จะแซวไปก็กลัวกานต์จะเขิน พอขึ้นลิฟต์ไปกานต์อายมากเรียกได้ว่าไม่อยากเข้างาน เราเลยต้องลากเข้าไป .....
ติดตามตอนต่อไป...
บ๊ายบาย

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

จับเข่าคุย

เมื่อคืนนี้เราดูจำเลยรักจบแล้วว่าจะนอนแต่พอดีดูรายการจับเข่าคุยแล้วก็เลยไม่นอนพอดูถึง5ทุ่มนั่นแหละจึงง่วง ไปนอน
เรื่องที่เอามาคุยวันนี้คือเรื่องของตชด ที่ออกข่าวกันทุกวันนี้แล้วมีผู้คนมากมายมาเรียกร้องความเป็นธรรม ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้อ่านข่าวหรือฟังข่าวแล้วคงสะเทือนใจไม่น้อยว่ามีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ ยัดยาบ้ายัดข้อหาให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ติดคุก ไม่คิดถึงใจของคนคนนั้นและครอบครัวญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเลยว่าเขาจะเป็นอยู่อย่างไรมีความรู้สึกอย่างไร ชีวิตของเขาทั้งชีวิตต้องมาตดเป็นเหยื่อพวกคนเลวที่ต้องการเพียงแค่อำนาจและเงิน เราดูแล้วแทบร้องไห้ ว่านี่หรือคนที่เรียกตนเองว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กระทำตัวไม่ต่างจากมาเฟียในเครื่องแบบตำรวจเลย อ่านข่างเรื่องนี้แล้วก็อยากเตือนเพื่อนๆนะว่าสังคมไทยสมัยนี้น่ากลัวจริงๆไปไหนมาไหนก็ต้องระวังตัวกันหน่อย ไม่ว่าทั้งผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย ที่พ่อแม่เป็นห่วง้ราน่ะดีแล้ว อย่าดื้อมากนักท่านอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้จักอะไรๆดีกว่า มีคนมาห่วงเราดีกว่าไม่มีนะ

รูปงานโฮม (เอามาจากขิม)

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

About Me and My Dogs เรื่องเก่าเล่า(ที่)ใหม่

บ้านของฉัน ที่บ้านของข้าพเจ้ามีพ่อ แม่ พี่ชาย น้องชาย พี่สาวและตัวข้าพเจ้าเอง และบ้านเรายังเลี้ยงสุนัขไว้อีก 5 ตัวด้วยกัน ข้าพเจ้าชอบสุนัขมากจนคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่ง​ของชีวิตเลย บ้านของข้าพเจ้าเลี้ยงสุนัขไว้ด้วยกัน 5 ตัวแต่ละตัวก็มีอายุแตกต่างกันไปเพราะว่าไม่ไ​ด้เอาเลี้ยงพร้อมกัน ต่อไปนี้ก็จะเล่าถึงสุนัขแต่ละตัวที่บ้านข้าพ​เจ้า รุ่นแรกที่มาเป็นอะไรที่ไม่ตั้งใจจะเลี้ยงมาก พอดีมันทั้งสองตัวเป็นสุนัขของคนที่เขามาสร้า​งบ้านให้พอสร้างเสร็จมันก็ไม่ยอมกลับไปกับเขา เราก็เลยต้องเลี้ยงเอาไว้ แม่ของข้าพเจ้าเป็นคนตั้งชื่อให้มันเอง ชื่อทองหยิบ กับทองหยอด ทั้งทองหยิบและทองหยอดเป็นสุนัขพันธุ์ไทยพื้น​บ้าน ขนสีขาวสะอาด และจมูกเผือก(สีเป็นแบบสีเผือก) พ่อบอกว่า ทองหยิบเป็นพ่อของทองหยอด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสุนัขคู่แรกที่ได้มาด้วยค​วามบังเอิญจริงๆ ต่อมาสุนัขที่บ้านของลุงของข้าพเจ้าออกลูกมาท​ั้งหมด 8 ตัว ซึ่งเป็นตัวเมียหรือตัวผู้จำนวนเท่าใดก็ไม่ทร​าบ แต่ลุงให้มา 2 ตัวซึ่งตอนแรกเป็นตัวผุ้ตัวตัวเมียตัว แต่พ่อไม่อยากให้มีลูกหมาเกิดขึ้นในบ้าน คงเป็นเพราะขี้เกียจเลี้ยงเยอะ ก็เลยเปลี่ยนเป็นตัวผู้ทั้ง 2 ตัว พีสาวตั้งชื่อให้มันว่า ลูกรัง กับลูกหิน ทั้งสองตัวนี้เป้นสุนัขพันธุ์ไทย ลูกรังตัวสีน้ำตาลเหมือนดินลูกรัง เลยได้ชื่อนี้ มันเป็นสุนัขตัวที่คลอดออกมาเป็นตัวที่ 2 ส่วนลูกหิน เป็นสุนัขขนสีขาว และคลอดออกมาเป็นตัวที่ 7 ตอนที่มันยังเล็กอยู่ข้าพเจ้าเลี้ยงมันไว้ในก​รง แต่ไม่นานมันทั้งสองก็สามัคคีกันกัดลวดกรงขาด ( เก่งจริงๆ ) พอโตขึ้นย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม มันก็เที่ยววิ่งไล่กัดคนแปลกหน้าที่เดินผ่านห​น้าบ้าน พ่อโมโหเลยไม่ให้มันออกไปข้างนอกบ้านอีก บ้านเราอยู่อย่างสงบสันติสุขเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งเหตุการณ์ที่เศร้าที่สุดก็เ​กิดขึ้นทองหยอดนอนสิ้นใจตายอยู่ใต้ท้องรถ ข้าพเจ้าเสียใจมากจนเรียนไม่รู้เรื่องตลอดทั้​งวันนั้น อาจเป็นเพราะพ่อสงสารข้าพเจ้ามั้งเพราะอีกไม่​กี่เดือนถัดมาข้าพเจ้าก็ได้ลูกหมาคู่ใหม่มา คราวนี้เป็นตัวเมียกับตัวผู้ซะด้วย ข้าพเจ้าเป็นคนตั้งชื่อให้มันเอง คิดอยู่นานอยากหาชื่อแบบหรูหราให้แต่สุดท้ายก​็ได้ชื่อแบบธรรมดา คือ ถั่วเขียวกับถั่วแดง ถั่วเขียวเป็นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานใบโพธิ์ เพศผู้ สีสวาท หางดาบเป็นพวง รูปร่างน่ารักดูดีมาก กริยาท่าทางเรียบร้อย จะกินจะนอนเป็นระเบียบเหมือนพวกชาววัง ถั่วแดงเป็นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานใบโพธิ์ สีสวาท เพศเมีย ท่าทางโก๊ะ ดูตลกดี มันชอบยิ้มและกระดิกหาง ไม่เรียบร้อยเหมือนถั่วเขียว เป็นเพราะคอกที่มันมาเขาฝึกมาต่างกัน พ่อจับลูกหิน ลูกรัง ทองหยิบทำหมันหมดแล้วเพราะอยากห็ลุกหมาที่เกิ​ดมาเป็นแบบเดียวกันหมด ต่อมาเมื่อถั่วแดงโตขึ้น ผสมพันธุ์แล้ว ตั้งท้อง มันก็คลอดลูก ออกมาทั้งหมด 9 ตัว แต่ส่าตายไปเสีย 1 ตัว เป้นตัวผู้ที่คลอดตัวแรกซะด้วย ก็เลยเหลือแค่ 8 ตัว เป็นตัวผู้ 4 ตัว ตัวเมียอีก 4 ตัว ทั้งหมดเป็นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานใบโพธิ์ สีสวาท เหมือนกันหมดเลย น่ารักมากๆ ข้าพเจ้ามีความสุขที่สุดเลย วันๆแทบไม่ทำอะไรนอกจากคอยดูแลลูกหมา แต่สุดท้ายก็ยกลูกหมาที่น่ารักเหล่านั้นให้เข​าไปหมด พ่อบอกว่า 5 ตัวก็หนักแล้วมากกว่านี้คงไม่ไหว ว้า เสียดาย แต่ก็นั่นแหละเป็นไปตามยถากรรมจนปัจจุบันนี้ข​้าพเจ้าก็ยังมีสุนัขแสนดีอีก 5 ตัวไว้คอยเป็นเพื่อนเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว
แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย
ขอบอกอ่านแล้ว ห้ามพูดเรื่องการใช้ภาษาที่แสนจะห่วยของเรานะ
ขนาดอีเมลล์เรายังลืมเติมเอสที่เลิฟเลย


At my home In my house, there are my dad , my mom , my older brother , my younger brother , my older sister , me an my five dogs. I love dog very much. Dogs are a part of my life. Each dog is at the different age and came from different place. The first couple used to belong to the constructor who built our house. When the work finished , the dogs didn’t go back with their master ,so we had to adopt them. One was named Thongyip. The other was named Thongyod. Both were named by my mom. They are white Thai dogs. The second couple was from my uncle. His dog have 8 puppies. Then he gave my dad 2 puppies. He gave a male and a female. But my dad want 2 males ,so I got new puppies. My sister named them. One is brown and named Luklung. It was the second puppy. The other is white and named Lukhin. It was the seventh puppy. They were naughty and clever. We lived happily until bad situation occurred. Thonyod died. I felt sad ,so my dad bought me a couple of dogs. They both were grey and Lung-Arn spicies. They are a male and a female. Males’ name is Taukeaw. Females’ name is Taudang. Their names were created by me. When Taudang grew , it had 8 puppies. The all puppies were grey and Lung-Arn spicies. When they grew , My dad gave then to his friends because we couldn’t adopt it all. I has been sad for it but it isn’t as important as that I have my 5 friends , my dogs.

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551

อะแฮ่ม 2

นิยายเรื่องที่ 2 ที่อยากแนะนำให้อ่านก็คือ เซวีน่า มหานครแห่งมนตรา (เรื่องนี้ถ้าใครเข้าไปดูในบลอกม้าวแล้วคงรู้จัก) ขอบอกแบบม้าวอีกทีว่าเริ่ดมากๆ เรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซีที่ไม่หนักหัวเหมือนเรื่องที่แล้ว แต่อ่านแล้วก็มีงงเพราะปริศนาอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด เรื่องราวก็คือเรื่องของเด็กสาว(เฟมีลล่า)ที่มาจากโลกเซวีน่า(มีเวทมนต์)แต่ต้องมาอาศัยที่เวน(ใร้เวทมนต์)ด้วยเหตุผลบางประการ ที่จริงขี้เกียจเขียนเพราะเขียนไปแล้วก็คงไม่เข้าใจต้องไปอ่านเอง และแล้ววันหนึ่งเธอก็ได้กลับไปเซวีน่าอีกครั้ง คราวนี้กลับไปพร้อมกับภารกิจที่จะช่วยโลกเซวีน่าไว้ เรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องได้ดีมาก สำนวนการเขียนอ่านแล้วไม่น่าเบื่อสำนวนดี แสดงถึงชีวิตของนักเรียนแสดงถึงการเรียนในโรงเรียนบอกได้คำเดียวว่า น่าสนใจมาก สำหรับเพื่อนๆที่ชอบอ่านนิยายโรแมนติกน้ำเน่าหวานซึ้งอะไรเทือกๆนั้นก็ขอแนะนำเรื่องนี้ด้วยจ้า

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551

อะแฮ่ม

หลังจากที่ได่อ่านบลอกของคนอื่นแล้วก็ชอบมากๆเลย เพราะแต่ละคนก็มีเอกลัษณ์ของตัวเองในการทำบลอก และแต่ละคนก็มีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันไปน่าสนใจมากๆเลย
ต่อไปนี้คุยเรื่องนิยายที่เราชอบอ่านและอยากแนะนำให้เพื่อนๆอ่านกันบ้างดีกว่า
เรื่องแรก ขอบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างหนักไปหน่อย เพชรพระอุมานั่นเอง เพราะกว่าเราจะอ่านจบทั้งสองภาคก็ล่อเข้าไปหลายเดือน
เรื่องนี้แต่งโดยพนมเทียน เป็นนักเขียนนิยายที่ดังมาก ผลงานของเขา เราอ่านมาเยอะและก็เห็นว่าดีพอที่จะแนะนำ
เพชรพระอุมาเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ ถ้าคุณอยากอ่านเรื่องไหนที่มีครบทุกรสชาติแล้วละก็ขอแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ เริ่มต้นเรื่องด้วยพี่ชายคนโต (เชษฐา) กับน้องสาวคนเล็ก (ดาริน) ต้องการที่จะตามหาพี่ชายคนกลาง (อนุชา) ที่เดินทางเข้าป่าแล้วหายไป เลยไปจ้างนายพราน ให้รำทางไปในป่าที่อนุชาหายไป เพราะเคยได้ยินว่าอนุชาเดินทางเข้าไปตามล่าหาสมบัติที่เรียกกันว่า เพชรพระอุมา ซึ่งนายพรานคนนั้นมีแผนที่และเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องขุมสมบัตินี้ แต่ไม่เชื่อ ในที่สุดเพราะเห็นแก่ความตั้งใจจริงของเชษฐาแลดารินแล้วก็เลยไป(อีกทั้งเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง)การเดินทางก็สนุกมากเพราะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับป่าและยังให้ความรู้เกี่ยวกับปืนอีกต่างหากมีการวางแผนล่าสัตว์ การวางแผนก็มันส์และให้ข้อคิด ตอนที่ดักยิงสัตว์ หรือประจัญบานกับตัวไหนก็สนุกสุดขั้วเลยเรียกได้ว่าเป็นนิยายบู๊ที่ดีเรื่องหนึ่ง ยังมีเรื่องผีด้วย ความจริงก็ไม่อยากเรียกว่าผีหรอก เพียงแต่เป็นเรื่องของซากศพโบราณนับแสนๆปีที่รอคอยการแก้แค้นประมาณนี้ และยังมีเรื่องความเชื่อในป่าที่น่ากลัวอีกต่างหาก เช่นตอนผีตะเคียน อ่านแล้วหัวใจจะวาย เรื่องที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องรักโรแมนติก พนมเขียนได้หวานหยดย้อยจริงๆเราอ่านแล้วชอบ จากที่ไม่เคยชอบนิยายรักน้ำเน่ามาก่อน เรื่องรักๆนี้จะเป็นคู่ไหนไปไม่ได้นอกจากพ่อยอดชายมิสเตอร์ไพรวัลย์ของเราและคุณหญิงดาริน วราฤทธิ์นั่นเองก็คุณหญิงน่ะเป็นราชนิกูลผู้สูงศักดิ์จิตใจดี (ถึงแม้บางครั้งจะมีนิสัยจู้จี้จุกจิกแบบผู้หญิงบ้างก็เถอะ) แล้วยังสวยบาดใจ ความรู้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหน้าตาเลย เธอเรียนหมอ และยังต่อสาขามนุษยศาสตร์อีกต่างหาก ดีเลิศขนาดนี้แล้วมิสเตอร์ไพรวัลย์ของเราก็เจียมตัวเจียมใจไม่กล้าเด็ดดอกฟ้าน่ะสิ ฮ่าๆเริ่มน้ำเน่าแล้ว แล้วก็ยังมีเรื่องการวางแผนการรบตีเมืองคืนด้วยอะไรประมาณนี้ ส่วนเรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้พบในนิยายที่พนมเทียนเขียนก็เห็นว่าคงจะเป็นเรื่องไดโนเสาร์ที่โผล่เข้ามาในเรื่อง อืม.แล้ว่รื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นก็ไปอ่านเอาเองละกัน ที่กล่าวถึงข้างบนนี้เป็นแค่ภาคแรกเท่านั้นนะ อยากแนะนำให้เพื่อนๆไปอ่านกัน ภาค2ไม่ต้องรู้เนื้อเรื่องย่อหรอก เพราะอ่านภาค1จบก็อยากอ่านภาคเอง

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2551

ดูทางนี้ เรื่องของหวี

มีอะไรๆที่น่าสนใจมาใหเพื่อนๆอ่านกัน
ก็ใช้หวีนั่นแหละจ้ะ เชื่อกันว่าหวีชุดแรกสุด คือ กระดูกสันหลังตากแห้งของปลาขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันยังคงใช้กันอยู่ในหมู่ชนเผ่าดั้งเดิมของแอฟริกา รูปลักษณ์ของหวีสะท้อนอย่างชัดเจนในคำภาษาอินโดยูโรเปียนโบราณว่า “gombhos” ซึ่งแปลว่า “ฟัน” อันเป็นรากศัพท์ของคำว่าหวีในภาษาอังกฤษ “comb”

หวีเก่าแก่ที่สุดที่คนประดิษฐ์ขึ้นถูกขุดพบในหลุมฝังศพอายุ ๖,๐๐๐ ปี ในอียิปต์ หวีหลายด้ามได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด ตัวอย่างเช่น บางด้ามมีซี่ฟันเสมอกันแถวเดียวบางด้ามมีซี่ฟันสองแถว บ้างก็มีซี่ฟันในแถวแรกถี่กว่าและสูงกว่าในแถวที่สอง หวีเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ชาวอียิปต์นอกจากใช้หวีหวีผมแล้ว ยังใช้เสียบผมให้เป็นทรงตามต้องการด้วย

ในยุคต้นของคริสต์ศาสนา การหวีผมเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา ในทำนองเดียวกับการล้างเท้า วิธีที่ถูกต้องในการหวีผมของพระก่อนประกอบศาสนพิธีใด ๆ ถูกกำหนดไว้เป็นแบบแผนตายตัว วีรชนคริสเตียนผู้สละชีพเพื่อศาสนาจะถูกฝังไปพร้อมกับหวีของเขาซึ่งทำจากงาช้าง หรือโลหะ นักประวัติศาสตร์ศาสนาสันนิษฐานว่า ครั้งหนึ่งหวีต้องมีความสำคัญเป็นพิเศษในแง่สัญลักษณ์ จากหลักฐานที่ว่าหน้าต่างโบสถ์จำนวนมากในสมัยกลางซึ่งประดับด้วยกระจกสี มักมีรูปหวีปรากฏอยู่เสมอ

อำนาจวิเศษก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับหวีด้วยเช่นกัน ในราว ค.ศ. ๑๖๐๐ คนในหลายส่วนของยุโรปเชื่อกันว่าผมหงอกขาวอาจกลับคืนเป็นสีเดิมได้ ถ้าหวีผมด้วยหวีตะกั่วเป็นประจำภายหลังมีคำอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า สีดำจากตะกั่วอ่อนคุณภาพต่ำซึ่งใช้ทำหวี อาจค่อย ๆ หลุดลอกมาเคลือบเส้นผมไว้ทำให้สีผมดูเข้มขึ้น

จากเมื่อแรกกำเนิด รูปลักษณ์ของหวีแทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย จนกระทั่งปี ค.ศ. ๑๙๖๐ เมื่อหวีไฟฟ้าเพื่อจัดทรงผมถูกประดิษฐ์ขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551

ตามกระแส

มาอัพเดทข่าวต่างประเทศกันบ้างดีกว่า
"เลือกตั้งสหรัฐ

นางฮิลลารี รอดแฮม คลินตัน ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้ ได้เดินหน้าหาเสียงในรัฐเซาท์แคโรไลนา ก่อนที่การเลือกตั้งขั้นต้นในแบบไพรมารีที่รัฐดังกล่าวเริ่มขึ้นในเสาร์นี้ แต่เธอจะแบ่งเวลาไปหาเสียงในรัฐอื่นด้วย เนื่องจากว่า ในวันที่ 5 ก.พ. จะมีการเลือกตั้งขั้นต้นใน 22 รัฐ ซึ่งรวมทั้งแคลิฟอร์เนีย, นิว เม็กซิโก และนิวเจอร์ซีย์ อนึ่ง นายบารัก โอบามา คู่ปรับสำคัญของนางคลินตัน เป็นตัวเต็งที่จะคว้าชัยในรัฐเซาท์แคโรไลนา เพราะประชากรเกือบครึ่งเป็นคนผิวสี. "

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2551

นิทาน ตอนที่ 1

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น สุดขอบทะเล
เป็นที่ตั้งของเมืองเมืองหนึ่ง มีนามว่า เรเทีย เมืองนี้เป็นเมืองยังกะในเทพนิยายเพราะเป็นเมืองที่สงบสุข พระราชาเป็นคนดีประชาชนอยุ่ดีกินดีและมีความสุข ที่สำคัญยังมีเจ้าหญิงที่มีพระสิริโมงดงามยิ่งนัก อะไรๆก็ดูท่าจะดีไปหมด

แต่!

เมืองนี้มีปัญหาตรงที่ว่า เมื่อก่อน ตอนที่พระราชาองค์นี้ยังเป็นหนุ่มๆ ด้วยความคึกคะนอง ได้เล่นพนันกับเพื่อนเจ้าชายต่างแคว้น พระองค์เล่นแพ้ แต่ตอนนั้นหมดตัวแล้ว เลยบอกเพื่อนว่าจะเอาอะไรก็จะให้ เพื่อนคนนั้นบอกว่า ขอให้พระองค์รับปากว่าเมื่อพระองค์มีพระธิดาก็ขอให้แต่งงานกับลูกชายของตน ด้วยว่าลั่นวาจาไปแล้วก็จำต้องรับปาก

ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆก็คงง่ายดายเพราะเจ้าชายจะรูปงามและเก่งกาจ รักกับเจ้าหญิง แต่งงานกัน ครองรักกันตราบนานเท่านาน แต่ที่สำคัญมันไม่ใช่อย่างนั้นล่ะสิ ก็เพราะ เจ้าชายน่ะนอกจากหน้าตาอัปลักษณ์ยิ่งกว่าจรกาแล้วยังนิสัยแสนจะยำแย่ หลงตัวเองคิดว่าหล่อยังกะติ๊ก เสียงโรแมนติกยังกะป๊อด ป๊อบปูล่าแบบเบิร์ดประมาณนี้

เรื่องเลวร้ายเท่านี้ยังไม่พอ เพราะเจ้าหญิงของเราก็ไม่แพ้กัน เรียกว่าขิงก็ราข่าก็แรง ก็เจ้าหญิงน่ะ นอกจากจิตใจจะไม่งดงามเหมือนเจ้าหญิงทั่วไปแล้วยังจะเป็นคนเกลียดสัตว์ ไม่รักเด็ก ขี้อิจฉา ขี้วีน ปากจัด ด่าเป็นไฟ ตอแหลก็เก่ง ที่สุดคือเก่งเรื่องไสยศาสตร์ สาปแช่งเป็นว่าเล่น ใครทำอะไรไม่ถูกใจแม่เล่นเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง หรือไม่ก็ปักตุ๊กตาวูดูมันซะเลย

ติดตามชมตอนต่อไปนะจ๊ะ

เกริ่น

สวัสดีเพื่อนๆ หลังจากที่คิดว่าบลอกของเราไร้สาระแบบสุดๆไปแล้ว

ก็คิดได้ว่าควรจะทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันกะเขาบ้าง

เอาล่ะต่อไปนี้บุ๊คจะแต่งนิทานมาเรื่องนึง

แต่งแบบแต่งไปเรื่อยๆ

เพื่อนๆอ่านจบแล้วก็ช่วยกันตั้งชื่อเรื่องหน่อย

ช่วยวิจารณ์งานเขียนด้วย

(จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีสาระอะไรขึ้นมานี่หว่า)

ดูๆไป

ดูๆไปบลอกเราค่อนข้างจืดชืดและไร้สาระ

จะพยายามทำให้ดีกว่านี้ก็รึกัน

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

ฮ่ะ ฮ่าๆ

วันนี้เรียนคอม อาจารย์เอาบลอกของเพื่อนมาแฉ

ตลกดี โดยเฉพาะของมายด์ ฟังแล้วคิดว่ามายคงโชคร้ายแน่

บลอกปลาสวยมากและดูน่าสนใจ

บลอกกุ๊กดูดี

บลอกกานต์-------------

เดี๋ยวจะเข้าไปดูของคนอื่นด้วย

ระวังให้ดี

Book says

ไงเพื่อนๆ ช่วงนี้งานประดังเข้ามา ไหวกันรึเปล่า เราเองก็แทบแย่
แต่ยังไงก็ยังนอนพักผ่อนเพียงพอ และมีเวลาดูละครแบบไม่ขาดตกบกพร่อง
อย่าหักโหมกับการเรียนมากนัก เดี๋ยวจะไม่สบายกัน ไปละ บ๊ายบาย

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่องย่อละคร จำเลยรัก

จำเลยรัก เรื่องนี้เป็นละครที่มันส์มากบุ๊คติดตามดูทุกตอนไม่เคยขาด นางเอกน่ารักมากๆเลยและก็ชอบเพลงด้วย
อยากให้เพื่อนๆได้รู้เรื่องกัน
ขอขอบคุณเวบเด็กดีที่เอื้อเฟื้อข้อมูล

หฤษฎ์ รังสิมันตุ์ ชายหนุ่มเจ้าของเหมืองแร่ใหญ่ทางภาคใต้ เกิดความแค้นเป็นที่สุดเมื่อ หริณ รังสิมันตุ์ น้องชายของเขาฆ่าตัวตาย โดยสาเหตุ ก็คือ ศันสนีย์ สาวสวยรวยเสน่ห์ และยังเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ พระยาและคุณหญิงศุภอรรจน์ ศันสนีย์ ศุภอรรจน์ คือสาวสังคมที่หาตัว จับยากคนหนึ่ง และเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆมากมาย เพราะเธอมีเรือนร่างที่สวยงาม เปรี้ยวเฉียว และชาติตระกูลที่ดี จึงทำให้หนุ่ม ๆ พากัน หลงใหลและหนึ่งในนั้นก็คือ หริณชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยหลงรักหญิงสาวที่ชื่อ โสรยา หญิงสาวผู้อาภัพ ที่ต้องสูญเสียบิดาตั้งแต่อายุห้าขวบ แถมบิดาก็เป็นแค่ข้าราชการชั้นผู้น้อย จึงไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้กับมารดาของเธอ การเลี้ยงลูกที่อยู่ในวัยกำลังกำลังนอนถึงสามคน จึงเป็น ภาระสำคัญสำหรับมารดาเธอมาก ดังนั้นคุณหญิงผู้เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของมารดาจึงขอโสรยามาเลี้ยงไว้ เพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับ ศันสนีย์ ศุภอรรจน์

ในช่วงเวลานั้น หริณเป็นแฟนกับโสรยา แต่เมื่อหริณได้มาเจอกับศันสนีย์ ก็เปลี่ยนใจมาหลงรักศันสนีย์แทน แต่โสรยาก็ไม่เคยคิดแค้นแต่ อย่างใด เธอคิดเพียงว่าหากได้ทดแทนพระคุณของผู้มีพระคุณก็เพียงพอแล้ว โสรยายอมเป็นฝ่ายเจ็บปวด เพื่อให้ ศันสนีย์ มีความสุขกับหริณ แต่แล้วศันสนีย์ก็เกิดเบื่อหริณขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้เป็นเพราะฐานะชาติตระกูลของหริณนั้นเทียบไม่ได้เลยกับตระกูลศุภอรรจน์ ศันสนีย์จึงปฏิเสธหริณอย่างไม่มีเยื่อใยและลบหริณออกจากความทรงจำ แล้วหันไปรับหมั้นกับ ธวัชชัย ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมไปด้วยฐานะ ความรู้ และชาติตระกูล ซึ่งน่าจะทำให้ชีวิตของศันสนีย์สุขสบายในอนาคต

แต่เมื่อวันหนึ่งสาวใช้ในบ้านยื่นนามบัตรของชายหนุ่มที่มาขอพบศันสนีย์ถึงหน้าบ้าน ชายคนนั้นคือ หฤษฏ์ รังสิมันตุ์ พี่ชายของ หริณ เขามาขอพบ เพื่อเคลียร์ปัญหาของน้องชาย ศันสนีย์ไม่อยากพบหน้า จึงขอให้โสรยาไปรับหน้าหฤษฏ์แทน ทันทีที่ หฤษฏ์พบโสรยา ก็เข้าใจผิดว่าเป็นศันสนีย์ จึงจับตัวโสรยาไปกักขังไว้ที่กระท่อมกลางป่าโดยมีนายใบ้เป็นคนดูแล เพื่อต้องการให้ล้างแค้นและให้ชดใช้ความผิดในการที่ทำให้หริณฆ่าตัวตาย แต่หฤษฎ์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นหญิงคนที่ลักพาตัวมา สามารถทำอาหารและงานบ้านอื่นได้อย่างชำนาญผิดกับสิ่งที่เขาเคยทราบว่าศันสนีย์เป็น สาวไฮโซที่ทำอะไรจำจด

นานวันเข้าหฤษฎ์ใจอ่อนและเกิดความรักขึ้นกับโสรยาในนามของศันสนีย์ จนทำให้บุญทายภรรยาที่เคยนอกใจของหฤษฎ์ ไม่พอใจแอบวางแผน ให้นายใบ้ปล้ำโสรยา แต่โชคดีที่ หฤษฎ์มาช่วยไว้ได้ทัน และขับไล่บุญทายออกไปจากชีวิตของเขา ด้วยความรักที่ก่อตัวขึ้นในใจและสงสารหฤษฎ์จึง ตัดสินใจปล่อยตัวโสรยาไป ส่วนโสรยานั้นก็ถึงแม้ต้องจากหฤษฎ์ไปก็ไปเพียงแต่ตัว เพราะหัวใจของโสรยาที่หฤษฎ์คิดว่าเป็นศันสนีย์นั้นตกเป็น จำเลยรักของหฤษฎ์ไปหมดแล้ว

เวลาผ่านไปจนวันหนึ่ง ศันสนีย์ได้พบกับหฤษฎ์ก็หลงรักทันที เธอจึงตัดสินใจทิ้งคู่หมั้นอย่างธวัชชัยโดยไม่ลังเล เหมือนครั้งที่เธอทำกับหริณ หฤษฎ์ เองพอทราบว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงที่เขาลักพาตัวไปคือโสรยาซึ่งเป็นน้องสาวแสนดีของศันสนีย์ ก็ยอมเข้ามาพัวพันกับศันสนีย์เพราะหวังที่จะแก้แค้น แทนน้องชาย จนเมื่อความจริงปรากฏศันสนีย์จึงไม่เหลือใครอยู่เคียงข้างกายแม้เพียงสักคน ศันสนีย์จึงหันกลับไปหาธวัชชัย ซึ่งธวัชชัยก็พร้อมที่ จะให้อภัยศันสนีย์ทุกอย่าง ส่วนหฤษฎ์ก็สามารถปรับความเข้าใจกับโสรยา หญิงสาวที่เขารักอย่างสุดหัวใจได้ในที่สุด



บทประพันธ์ : ชูวงศ์ ฉายะจินดา
บทโทรทัศน์ : พิมบงกช
กำกับการแสดง : กฤษณ์ ศุกระมงคล
ดำเนินการผลิต : บริษัท เมอเกอร์วาย จำกัด
ออกอากาศทุกวัน : จันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3


นักแสดง
-- หฤษฎ์ --
ชายหนุ่มวัยปลายยี่สิบ ลูกชายคนโตของนักธุรกิจทางภาคใต้ นักเรียนนอกที่ต้องกลับมาแบกรับภาระในการเลี้ยงดูน้องชาย แทนพ่อแม่ที่ตายกระทันหัน บุกเบิกธุรกิจฟาร์มมุกจนเจริญ เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน แต่ด้วยความรักน้องจนหน้ามืดตามัว จึงแค้นหญิงสาวที่หักอกน้องชาย จนตามล่าจับตัวมาเป็นจำเลยศาลเตี้ยกักขังทำทารุณให้เจ็บทั้งกายและใจ แม้ภายนอกจะดูกร้าวแกร่ง ดุดัน ไม่ฟังใคร แต่ก็มีมุมอ่อนโยนซ่อนอยู่ ทำให้ไม่กล้าทิ้งหญิงชาวบ้านที่พลาดพลั้งได้เป็นเมีย สุดท้ายเมื่อความจริงประจักษ์ ว่าทำร้ายผิดคน ก็เกือบจะสาย กลายเป็นจำเลยรักเสียเอง


ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
-- โศรยา --
หญิงสาววัย 22 ลูกสาวชาวสวนกำพร้าพ่อ ได้รับการอุปการะจากป้าและลุงเขย ขณะเดียวกันก็รับใช้และเป็นลูกไล่ของพี่สาวมาตั้งแต่เด็กๆ เรียนจนจบคหกรรมตามบัญชาของป้า ตกเป็นเหยื่อความแค้นโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ด้วยความกตัญญู ก็จำยอมรับกรรมนั้น อย่างไรก็ตาม ความเป็นคนอ่อนโยนแต่เข้มแข็งก็ทำให้กล้าพูดกล้าสู้และคอยหาทางเอาชนะอยู่ตลอดเวลา


รินลณี ศรีเพ็ญ -- ศันสนีย์ --
สาวเปรี้ยววัย 24 นักเรียนนอก รักสวยรักงามรักความสบาย จับจดจนเรียนอะไรก็ไม่จบ ได้ประกาศนียบัตรแฟชั่นดีไซน์มาจากอังกฤษ กลับมาเที่ยวเตร่หว่านเสน่ห์หักอกผู้ชายไปเรื่อยๆ ไม่รักใครจริง เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด รู้สึกตลอดมา ว่าโศรยามาแย่งความรักจากพ่อ และแย่งความสนใจจากใครๆไป จึงริษยาอยู่ลึกๆ ยิ่งโศรยามีคนรักห่วงใยมากเท่าไร่ ก็ยิ่งหมั่นไส้มากเท่านั้น ด้วยนิสัยไม่ยอมคน จึงต้องการเอาชนะเมื่อชายคนรักมีคนมาประกาศเป็นเจ้าของ แต่เมื่อช่วงชิงได้แล้ว ก็ไขว่ขว้าหาคนอื่นที่ดีกว่าต่อไป


ชาตโยดม หิรัณยัญฐิติ
-- ธวัชชัย --
นักธุรกิจหนุ่มวัยต้นสามสิบ เจ้าของบริษัททัวร์ และมีหุ้นในกิจการต่างๆ เป็นชายฝันของสาวทั้งเมือง เพราะหล่อ รวย และกำพร้า หลงรักศันสนีย์อย่างจริงใจ แต่ก็มีชนิดาเป็นอดีตคนรัก มีลูกด้วยกันลับๆ สุดท้ายก็ต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง


สุคนธวา เกิดนิมิตร
-- บุญทาย --
สาวชาวบ้านวัยเบญจเพส เป็นเมียหฤษฎ์โดยบังเอิญ ซึ่งหฤษฎ์ก็รับผิดชอบดูแล รักหฤษฎ์หมดใจ แต่ก็มักมากในเพศรส จนต้องมีใบ้เป็นสามีสำรอง ชิงชังโศรยา ตั้งแต่แรกเจอ เพราะเข้าใจว่าจะมาแย่งหฤษฎ์ไป


กมลา กำภู ณ อยุธยา
-- ชนิดา --
นักเขียนหญิงผู้เคยมีความสัมพันธ์กับธวัชชัย แม้พยายามตัดให้ขาด
แต่ก็ทำไม่ได้


รุ่งเรือง อนันตะ
-- หริณ --
น้องชาย หฤษฏ์ อ่อนต่อโลก หลงเชื่อผู้หญิงได้ง่าย ตอนหลังฆ่าตัวตายเพื่อประชดรัก


ไรอัน เจทท์
-- นุกูล --
เพื่อนชายของโศรยา รู้จักกันที่บ้านสวนตั้งแต่เด็ก เป็นผู้กุมความลับเรื่องบุญคุณของศันสนีย์ ที่โศรยาเข้าใจว่าศันสนีย์เป็นคนโดดลงไปช่วยชีวิตโศรยาจากบึงบัว ซึ่งแท้จริงแล้ว นุกูลคือผู้โดดลงไปช่วย เมื่อพบกันอีก นุกูลก็ยังคงรักและชื่นชมโศรยา เป็นเพื่อนแท้คนหนึ่ง

ฯลฯ

คำบอกรัก 100 ภาษา

English - I love you
Afrikaans - Ek het jou lief
Albanian - Te dua
Arabic - Ana behibak (to male)
Arabic - Ana behibek (to female)
Armenian - Yes kez sirumen
Bambara - M'bi fe
Bangla - Aamee tuma ke bhalo aashi
Belarusian - Ya tabe kahayu
Bisaya - Nahigugma ako kanimo
Bulgarian - Obicham te
Cambodian - Soro lahn nhee ah
Cantonese Chinese - Ngo oiy ney a
Catalan - T'estimo
Cheyenne - Ne mohotatse
Chichewa - Ndimakukonda
Corsican - Ti tengu caru (to male)
Creol - Mi aime jou
Croatian - Volim te
Czech - Miluji te
Danish - Jeg Elsker Dig
Dutch - Ik hou van jou
Esperanto - Mi amas vin
Estonian - Ma armastan sind
Ethiopian - Afgreki'
Faroese - Eg elski teg
Farsi - Doset daram
Filipino - Mahal kita
Finnish - Mina rakastan sinua
French - Je t'aime, Je t'adore
Gaelic - Ta gra agam ort
Georgian - Mikvarhar
German - Ich liebe dich
Greek - S'agapo
Gujarati - Hoo thunay prem karoo choo
Hiligaynon - Palangga ko ikaw
Hawaiian - Aloha wau ia oi
Hebrew - Ani ohev otah (to female)
Hebrew - Ani ohev et otha (to male)
Hiligaynon - Guina higugma ko ikaw
Hindi - Hum Tumhe Pyar Karte hae
Hmong - Kuv hlub koj
Hopi - Nu' umi unangwa'ta
Hungarian - Szeretlek
Icelandic - Eg elska tig
Ilonggo - Palangga ko ikaw
Indonesian - Saya cinta padamu
Inuit - Negligevapse
Irish - Taim i' ngra leat
Italian - Ti amo
Japanese - Aieru
Kannada - Naanu ninna preetisuttene
Kapampangan - Kaluguran daka
Kiswahili - Nakupenda
Konkani - Tu magel moga cho
Korean - Sarang Heyo
Latin - Te amo
Latvian - Es tevi miilu
Lebanese - Bahibak
Lithuanian - Tave myliu
Malay - Saya cintakan mu / Aku cinta padamu
Malayalam - Njan Ninne Premikunnu
Mandarin Chinese - Wo ai ni
Marathi - Me tula prem karto
Mohawk - Kanbhik
Moroccan - Ana moajaba bik
Nahuatl - Ni mits neki
Navaho - Ayor anosh'ni
Norwegian - Jeg Elsker Deg
Pandacan - Syota na kita!!
Pangasinan - Inaru Taka
Papiamento - Mi ta stimabo
Persian - Doo-set daaram
Pig Latin - Iay ovlay ouyay
Polish - Kocham Ciebie
Portuguese - Eu te amo
Romanian - Te ubesk
Russian - Ya tebya liubliu
Scot Gaelic - Tha gradh agam ort
Serbian - Volim te
Setswana - Ke a go rata
Sign Language - ,\,,/ (represents position of fingers when signing'I Love You')
Sindhi - Maa tokhe pyar kendo ahyan
Sioux - Techihhila
Slovak - Lu'bim ta
Slovenian - Ljubim te
Spanish - Te quiero / Te amo
Swahili - Ninapenda wewe
Swedish - Jag alskar dig
Swiss-German - Ich lieb Di
Tagalog - Mahal kita
Taiwanese - Wa ga ei li
Tahitian - Ua Here Vau Ia Oe
Tamil - Nan unnai kathalikaraen
Telugu - Nenu ninnu premistunnanu
Thai - Chan rak khun (to male)
Thai - Phom rak khun (to female)
Turkish - Seni Seviyorum
Ukrainian - Ya tebe kahayu
Urdu - mai aap say pyaar karta hoo
Vietnamese - Anh ye^u em (to female)
Vietnamese - Em ye^u anh (to male)
Welsh - 'Rwy'n dy garu
Yiddish - Ikh hob dikh
Yoruba - Mo ni fe

เรื่องราวเกี่ยวกับดอกกุหลาบ ดอกไม้วันวาเลนไทน์

เดือนหน้าก็จะมีวันวาเลนไทน์ วันที่ของขวัญแพง
ดอกไม้แพง ดอกมะลิไหว้พระก็แพง ตามกระแส
อะไรๆก็แพง
วันที่อบอวลไปด้วยความรัก
วันที่ขยะท่วมเมือง
วันที่ผู้หญิงเสียตัว
วันที่เปลืองเงิน
เอาอะไรๆเกี่ยวกับดอกกุหลาบมาเล่าให้ฟัง
เอื้อเฟื้อข้อมูลจากหลายๆที่
เล่าให้ฟังนะ
เพื่อนๆ เคยได้ยินคำเปรียบเปรยที่ว่า ผู้หญิงสวยแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเปรียบเหมือน ดอกกุหลาบ ไหม แล้วเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมต้องเปรียบเป็น ดอกกุหลาบ ผู้หญิงสวยแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมก็เปรียบ​ได้ดัง "ดอกกุหลาบ" เพราะดอกกุหลาบนั้นแม้จะมีรูปร่างภายนอกที่สวยงามรวมถึงกลิ่นที่หอมชวนดมแต่มันก็มีหนามแหลม หากไม่ระวังอาจโดนบาดได้ง่ายๆ

ซึ่งคำว่ากุหลาบนั้นมาจากคำว่า "คุล" ที่ในภาษาเปอร์เซียแปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ" โดยในภาษาฮินดีก็มีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้" และคำว่า "คุลาพ" ก็หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ" ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก

โดยกุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกมาแต่โบราณ ว่ากันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อ 70 ล้านปีมาแล้ว และเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบที่ประเทศสหร​ัฐอเมริกา โดยแต่ก่อนกุหลาบนั้นเป็นกุหลาบป่าและมีรูปร่างไม่เหมือนในทุกวันนี้ แต่เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกแล​ะผสมพันธุ์จนขยายเป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย ตามประวัติศาสตร์เล่าว่ากุหลาบป่าถูกนำมาปลูก​ไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิ์ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอกส่งไป​ขายให้แก่ชาวโรมัน เพราะชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก แม้ว่าจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้วก็ตามแต​่ก็ยังลงทุนสร้างสถานที่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอ​กกุหลาบอีกด้วย เพราะสำหรับชาวโรมันแล้วดอกกุหลาบนั้นมีความส​ำคัญต่อชีวิตประจำวัน อีกทั้งชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์​ของความรัก เป็นทั้งของขวัญ และเป็นดอกไม้สำหรับทำมาลัยต้อนรับแขก รวมถึงเป็นดอกไม้สำหรับงานฉลองต่างๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ และยาได้อีกด้วย และเมื่อเอ่ยถึงดอกกุหลาบแล้ว

หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงามและความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้​สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดขอ​ง อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

แม้จะไม่มีการบันทึกอย่างชัดเจนว่าดอกกุหลาบน​ั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับบ้าเราตอนไหน แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกไว้ว่าเห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธ​ยา ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ก็ได้มีการกล่าวถึงกุหลาบเอาไว้ และยังมีตำนานดอกกุหลาบของไทยที่เป็นบทละครพร​ะราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา" ซึ่งได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ" ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มาก แต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาบให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา

โดยดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย​่างทีเดียว อาทิ

สีกุหลาบสื่อความหมาย

สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที​่ได้รับ

สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ

สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

สีส้มสื่อความหมายถึง ฉันรักเธอเหมือนเดิม

กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย

1 ดอก รักแรกพบ

2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน

3 ดอก ฉันรักเธอ

7 ดอกคุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์

9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป

10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ

11 ดอก คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน

12 ดอกขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว

13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ

15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ

20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ

21 ดอก ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ

36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน

40 ดอกความรักของฉันเป็นรักแท้

99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย

100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ

101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น

108 ดอกคุณจะแต่งงานกับฉันไหม

999 ดอกฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย

ความหมายอื่น

กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของของ​ดอกกุหลาบจ้า

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2551

สวัสดี

สวัสดี